สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการช้อปปิ้งว่าควรจะมีหลักการหรือเมนแนวความคิด
อย่างไรที่การช้อปปิ้งของเรานั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของเรามากนักเรียกได้ว่าเป็นการช้อปปิ้งที่ทำให้เราสบายกระเป๋านั่นเอง
อันดับแรกของการช้อปปิ้งเลยเราควรที่จะต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าสินค้าที่เราจะช้อปปิ้งนั้นมีขายผ่านทางออนไลน์หรือไม่และถ้าหากว่าขายผ่านทางออนไลน์กับการที่เราจะจำเป็นที่จะต้องไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเอง
โดยตรงนั้นอย่างไหนจะถูกกว่ากันแน่นอนว่าการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์นอกจากว่าเราจะต้องเสียค่าสินค้าแล้วเรายังต้องเสียค่าขนส่งอีกด้วยแต่ในขณะเดียวกันการช้อปปิ้งด้วยการไปซื้อเองที่หน้าร้านนั้น
ถึงแม้ว่าเราจะไม่เสียค่าขนส่งแต่ก็เสียค่าเดินทางเพราะถึงแม้เราจะขับรถยนต์ไปเอง
แต่เราก็ต้องเสียค่าน้ำมันหรือถ้าหากว่าเราไม่ขับรถไปเราก็ต้องเสียค่าแท็กซี่หรือค่ารถไฟฟ้าดังนั้นเมื่อมีการเปรียบเทียบราคาระหว่างการไปซื้อเองหรือการซื้อออนไลน์แบบไหนถูกกันแล้วให้เราเลือกวิธีการซื้อที่ถูกที่สุดก็จะทำให้สบายเงินในกระเป๋าของเราได้นั่นเอง
นอกจากนี้ปัญหาของคุณนักทรัพย์ทั้งหลายมักจะพบว่าหากไปเห็นสินค้าที่มีการลดแลกแจกแถมก็มักจะสนใจ และซื้อทันทีโดยไม่คิดหน้าอาทิตย์หลัง
ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเราควรที่จะต้องดูก่อนว่าสินค้าที่ถูกนำมาลดนั้นเราจำเป็นที่จะต้องใช้งานหรือไม่เพราะถือสินค้าจะมีราคาถูก
แต่ถ้าเราซื้อแล้วนำไปเก็บเอาไว้ไม่ได้ใช้งานมันก็เหมือนกับเราใช้เงินไปฟรีๆและสินค้าบางอย่างนั้นก็ไม่ไม่ใช่สินค้าที่ดีหรือมีคุณภาพมากนักถ้าหากว่าเราเปรียบเทียบกับสินค้าอีกแบรนด์นึงราคาแพงกว่าแต่คุณภาพดีกว่า
และสามารถใช้งานได้นานกว่าแล้วก็ควรจะเลือกสินค้าที่มีราคาแพงมากกว่าแต่ใช้งานได้นานกว่าเพราะเราจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อยๆนั่นเอง
ที่สำคัญสำหรับนักช้อปเลยก็คือ อย่าลืมว่าสินค้าบางอย่างนั้นเราสามารถต่อรองราคาได้ซึ่งถ้าหากเป็นสินค้าแบรนด์เนมในห้างสรรพสินค้าเราอาจจะไม่สามารถต่อรองได้แต่สินค้าบางอย่าง
อย่างเช่นตามร้านค้าทั่วไปนั้นเราสามารถที่จะพูดคุยกับแม่ค้าเพื่อขอลดราคาได้ซึ่งมันก็จะทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเต็มตามที่ทางแม่ค้าได้มีการเรียกราคาเอาไว้
เพราะแม่ค้าบางคนนั้นก็มีการตั้งราคาเอาไว้สูงเกินจริงเพื่อเผื่อเอาไว้ให้ลูกค้าที่จะมาซื้อสินค้าแล้วต้องการต่อรองสินค้านั่นเอง
ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก